ท่ามกลางสภาพอากาศในฤดูร้อนของเมืองไทยที่อุณหภูมิทะลุ 40 องศาที่เรา ๆ ทราบกันดีและสัมผัสกันมาแล้วทุกคน สภาพเช่นนี้ไม่ว่าต้นไม้ใบหญ้า สัตว์ป่าใหญ่น้อย รวมถึงมนุษย์เราเองก็ตาม ต่างก็ต้องหาทางที่จะทำให้ตัวเองรอดอยู่ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ต้นไม้มีการผลัดใบเพื่อลดการคายน้ำ และไม่มีการผลิยอดใหม่อีกเลยจนกว่าสายฝนห่าแรกจะโปรยปรายลงมา สัตว์บางชนิดหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหลบอยู่ในที่อันจำกัดที่พอปะทังให้มีชีวิตผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายของปีไปให้ได้เสียก่อน เช่น กบนา และปลาช่อนนา ซึ่งช่วงต้นฤดแล้งที่น้ำในแหล่งน้ำเริ่มแห้งเหือดไปเหลือแต่โคลนตม พวกมันก็จะซ่อนตัวเองภายใต้โคลนอันจำกัดนั้น ด้วยพลังงานที่ได้สะสมมาตลอดทั้งฤดูฝนอันอุดมสมบูรณ์ และลดการใช้พลังงานในฤดูแล้งด้วยการหยุดการเคลื่อนไหว และการหายใจในอัตราที่ต่ำมาก ๆ พวกมันจึงรอดพ้นความแห้งแล้ง และเผยตัวเองออกมาให้เห็นเป็นหนังกบหุ้มกระดูก และหัวปลาช่อนพร้อมก้างที่ยังมีเกล็ดติดอยู่ภายหลังจากหยาดน้ำฟ้าถั่งโถมลงมามากพอ ถึงจะไม่ค่อยสบายนักแต่พวกมันก็ไม่ตาย (หลายคนเคยอ่านในหนังสือแบบเรียนภาษาไทย และอาจเคยพบเจอกับตัวเองมาแล้ว)
ด้วยสภาพที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในรอบปีเช่นนี้ มีร้อน มีเย็น มีหนาว มีแห้งแล้ง มีชุ่มชื้น ทำให้ทั้งพืชและสัตว์เหล่านี้ต่างสามารถปรับตัวเพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์มาได้รุ่นแล้วรุ่นเล่า หากจะมองในแง่ดีก็คงพอจะพูดได้ว่าทนร้อนสักพัก เดี๋ยวมันก็หายร้อนเอง แต่คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ปีนี้หรือหลาย ๆ ปีมานี้ มันร้อนกว่าสมัยเรายังเป็นเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นกลางสนามแน่นอน แต่การปรับตัวของมนุษย์เราต่างจากวิธีการของพืช และสัตว์ เราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เราแสวงหาสิ่งที่จะทำให้เราเอาชนะ เราดัดแปลง เรากัดกิน ทำร้ายธรรมชาติต่าง ๆ นานา เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากสภาพอันไม่น่าอยู่ที่เกิดจากการกระทำของเราเอง และเราได้พิสูจน์ผ่านรุ่นสู่รุ่นแล้วเช่นกันว่าวิธีการเหล่านี้ “ล้มเหลว” เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่เราทำเพื่อความอยู่รอดรังแต่จะทำให้ธรรมชาติเลวร้ายลงไปกว่าเดิม ซึ่งมันไม่ควรเอาเสียเลยที่เราจะส่งต่อความโหดร้ายนี้ไปให้คนรุ่นหลังรับชะตากรรมและหาทางแก้ไขเอง...
|
|
กลับมาที่อุทยานแห่งชาติทับลาน รู้หรือไม่ว่า ท่ามกลางความร้อนระอุนี้ ยังมีความสงบเย็นซ่อนอยู่ ท่ามกลางความแห้งแล้งนี้ยังมีความชุ่มชื้นซ่อนอยู่ ท่ามกลางความแร้นแค้นของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ยังมีความอุดมสมบูรณ์แอบซ่อนอยู่ตรงใจกลาง ไม่ว่าในเมืองจะร้อนแค่ไหน และแม้ว่าบนท้องถนนจะร้อนจนแทบปางตายก็ตาม ความชุ่มเย็นใจกลางป่าก็ยังคงสภาพอันน่าพิศมัยไว้ได้ตลอดทั้งปี ที่แห่งนี้เป็นเสมือนธนาคารชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ ที่พร้อมจะมอบดอกเบี้ยให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ชีวิตภายนอกจะล้มตาย หรือได้รับความเสียหายไปมากเพียงใดก็ตาม แต่ดอกเบี้ยชีวิตจากธนาคารป่าต้นน้ำก็ยังคงมีทดแทนให้เสมอ ตราบเท่าที่เราไม่นำเอาต้นทุนมาใช้จนหมดเสียก่อน “นี่คงตอบคำถามได้ชัดเจนว่าเรามีป่าต้นน้ำไปเพื่ออะไร” และการที่แม่น้ำสายหลักหลาย ๆ สายแห้งเหือดไปในช่วงเวลาเดียวกันอย่างน่าตกใจในปีนี้ก็คงพอตอบคำถามได้ว่า “วันนี้เรามีป่าต้นน้ำเพียงพอแล้วหรือ...”