ช่วงฤดูหนาว โดยปกติแล้วแดดจะร้อนทั้งวันและไม่มีเมฆบนท้องฟ้าเลย ด้วยลมที่พัดแรงตลอดทั้งวัน ทำให้อากาศที่เคยชุ่มชื้นจากช่วงฤดูฝนแห้งแล้งลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ต้นไม้หลายชนิดทิ้งใบเพื่อลดการคายน้ำเพื่อให้รอดพ้นจากความตาย ดั่งเช่นทุ่งหญ้าผืนใหญ่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออกที่มีแสงแดดร้อนและลมแรงจนพัดพาเอาความชุ่มชื้นออกไปจนหมด จนทำให้ผืนป่าทุ่งหญ้าแห้งแล้งกลายเป็นผืนป่าทุ่งหญ้าสีน้ำตาล สัตว์ป่าหลายชนิดที่เคยเข้ามาหากินหญ้าในช่วงฤดูฝนต่างหลีกเลี่ยงไม่เข้ามากินหญ้าในทุ่งหญ้าเหมือนดั่งเคย จนกระทั่งมีไฟป่าเข้ามา!!!
เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน หญ้าที่แห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาลในทุ่งหญ้า ซึ่งเคยเป็นอาหารอันโอชะของสัตว์ป่าถูกแดดร้อนเผาจนแห้งกรอบกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีให้ไฟป่า จึงถูกไฟป่าเผาไหม้จนโล่งเตียนอย่างรวดเร็ว เหลือทิ้งไว้เพียงเถ้าถ่านเต็มทุ่ง แต่ไฟก็ไม่ได้ทำลายทุ่งหญ้าอย่างเดียว ยังเผาทำลายต้นไม้ขนาดเล็กที่บุกรุกเข้ามาในทุ่งหญ้าให้ตายไปด้วย และสร้างโอกาสให้หญ้าต้นใหม่เจริญงอกงาม ส่งผลให้สัตว์ป่าได้มีอาหาร ดังนั้นไฟป่าถือได้ว่ามีความสำคัญและจำเป็นต่อสังคมพืชทุ่งหญ้ามาก
หลังจากไฟป่าเข้าเผาไหม้ทุ่งหญ้าจนหมด ฝนแรกก็ตกลงมาในทุ่งหญ้าสีดำอีกครั้ง มีต้นหญ้าระบัดใหม่อีกครั้งแทนผืนป่าทุ่งหญ้าสีดำ สร้างความเขียวขจีและดึงดูดให้สัตว์ป่าเข้ามาใช้ประโยชน์อีกครั้ง เช่น ช้าง กระทิง เก้ง กวางป่า ที่เคยจากไปในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนกลับมายังทุ่งหญ้าอีกครั้งเพื่อกินหญ้าอ่อน
ดังนั้นในช่วงฤดูฝนนับว่าเป็นช่วงเวลาสวรรค์ของสัตว์ป่าเพราะอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพืชอาหารและแหล่งน้ำ เมื่อหมดเวลาของฤดูฝน ฤดูแล้งก็จะเข้ามาเยือนอีกครั้ง พร้อมเข้าสู่วัฎจักรแห่งธรรมชาติโดยเกิดขึ้นปีแล้วปีเล่าเพื่อดำรงคงไว้ซึ่งกฎแห่งธรรมชาติ
แต่ถ้าวัฎจักรนี้ได้ถูกทำลายลงธรรมชาติที่เคยดำรงอยู่และสมดุลอยู่อย่างนี้ ไม่เป็นไปตามกฏแห่งธรรมชาติ พืชพรรณ และสัตว์ป่าก็จะไม่ได้อยู่อย่างปกติสุขเช่นกัน
ติดตามเรื่องราว Note from the Field ทั้งหมดได้ที่นี่ Note from the field